มารู้จัก “เบียร์” เครื่องดื่มยอดฮิตอันดับสามรองจากน้ำดื่มและชา
เมื่อพูดถึงการเข้าสังคมของมนุษย์เรานั้นก็จะมีหลากหลายรูปแบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นชมรมหรือชุมนุมต่างๆในสิ่งที่เราชอบ หรืองานเลี้ยงสังสรรค์ตามหน่วยงานหรือบริษัท โดยเฉพาะการเข้าสังคมร่วมกับเพื่อนของเรานั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็นการไปแฮงค์เอ้าท์ตามร้านอาหารหรือตามผับบาร์ต่างๆ ถ้าถามหาหนึ่งในเครื่องดื่มที่นิยมในการสังสรรค์หรือแฮงค์เอ้าท์นั้นคำตอบแรกๆที่มักจะได้ยินก็คงจะเป็น เบียร์ เครื่องดื่มที่นิยมเป็นอันดับสามรองจากน้ำดื่มและชา
เมื่อพูดถึง เบียร์ แล้วนั้นต้องคงต้องย้อนกลับไปเมื่อ 9,500 ล้านปีก่อนคริสตกาลหรือการบันทึกในประวัติศาสตร์ของเมโสโปเตเมียและอียิปต์โบราณ ซึ่งมีหลักฐานเป็นภาพการทำเบียร์จารึกอยู่บนอักษรคูนิฟอร์มการหมักเครื่องดื่มที่เป็นต้นกำเนิดของเบียร์ในช่วงนั้น มีไว้สำหรับบูชาเทพเจ้า ใช้วิธีทำให้ข้าวสาลีแห้งเป็นผงแล้วนำไปอบเป็นขนมปัง จากนั้นก็บดขนมปัง เติมน้ำ และหมักตามธรรมชาติ แต่ความนิยมในเครื่องดื่มเบียร์นั้นมานิยมสุดขีดในยุคถัดมาคือยุคบาบิโลเนีย ชาวบาบิโลเนียนดื่มเบียร์กันจริงจังและแผ่หลาย จริงจังถึงขั้นต้องมีการบัญญัติกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเบียร์ไว้ในประมวลกฎหมายฮัมมูราบี-บทบัญญัติ
แต่เบียร์ที่เราคุ้นเคยกันก็เกินขึ้นเมื่อ3,000 ปีก่อนคริสตกาลที่อียิปต์ มีการทำเบียร์จากข้าวโดยนำเมล็ดข้าวที่เก็บเกี่ยวได้จากริมฝั่งแม่น้ำไนล์มาอบแห้ง แล้วบดให้ละเอียดใส่ในถังผสมกับดอกฮอปส์ ที่ช่วยให้เบียร์มีรสขม และ ยังช่วยให้เก็บได้นานขึ้น เติมน้ำลงไปผสมหมักกับยีสต์ที่เป็นเชื้อรา ใช้กรรมวิธีการหมักคล้ายกับการทำไวน์
จากที่KURU.comได้ให้ข้อมูลไว้ว่าในยุคที่อียิปต์เจริญรุ่งเรือง คนงานในเมืองอูรุกได้รับเบียร์เป็นค่าจ้าง และระหว่างการก่อสร้างมหาพีระมิดในกิซา คนงานแต่ละคนก็ได้รับปันส่วนประจำวันเป็นเบียร์ 4-5 ลิตร ซึ่งช่วยทั้งเรื่องโภชนาการและทำให้สดชื่น ถือว่าเบียร์เป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนงานก่อสร้างมหาพีระมิด
และข้อมูลในKURU.comยังบอกไว้ว่าประวัติศาสตร์เบียร์ยุคใหม่เริ่มขึ้นที่ประเทศเยอรมนีในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 15 เพราะชาวเยอรมันเป็นผู้คิดค้นทำเบียร์ขึ้นในแคว้นบาวาเรีย โดยไม่ได้ลอกเลียนแบบการทำเบียร์จากชาติใดๆ เบียร์ของเยอรมันทำจากมอลต์ เรียกว่า Peor หรือ Bior ที่เพี้ยนมาเป็นคำว่า Beer ชาวเยอรมันเชื่อว่าเบียร์มีความบริสุทธิ์สะอาดกว่าน้ำเปล่า เลยดื่มเบียร์กันแทนน้ำเลยก็ว่าได้ ความที่ปริมาณแอลกอฮอล์ในเบียร์นั้นต่ำมากเพียง 3.5-6.0 ดีกรี อีกทั้งอายุการเก็บรักษาค่อนข้างสั้น เลยดื่มกันได้บ่อยเท่าที่ต้องการ ด้วยเหตุนี้ทำให้เบียร์ที่ประเทศเยอรมนีนี้ขึ้นชื่อเป็นพิเศษ
ขอขอบคุณข้อมูลและความรู้ดีๆจากเว็บ KURU.com